* การแต่งกาย
* อาหารการกิน
* เครื่องใช้ไม้สร้อย
 
ลายสัก
ท่านผู้อ่านเคยสงสัยไหมครับว่า ทำไมคนโบราณจึงนิยมสักตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย จนกลายมาเป็นความนิยมในปัจจุบัน
แต่จุดประสงค์การสักของคนสมัยโบราณและคนปัจจุบันจะเหมือนกันหรือไม่ ซึ่งวันรุ่นนิยมสักกันมากขึ้นโดยมีต้นแบบเป็นดาราที่พวกเขา
ชื่นชอบ แต่คุณผู้อ่านลองมาดูเรื่องราวที่ผมนำมาฝากกันก่อนนะครับ แล้วคุณผู้อ่านจะได้รับคำตอบ

คำว่า "ลายสัก" หมายถึง ลายหมึกที่คนโบราณนิยมสักตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ปกติหมึกที่ใช้จะเป็นหมึกสีดำ แต่
บางทีสักตามตัวและอวัยวะบางส่วนอาจใช้หมึกสีแดงสักด้วยก็ได้ ชนเผ่าไทยโบราณ โดยเแฑาะผู้ชายนิยมสักลวดลายตามร่างกาย ส่วนผู้หญิง
มีสักบ้างแต่มีน้อย ที่เห็นนิยมสักก็มีที่แขนหรือขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น การสักหมึกตามร่างกายนี้นิยมทำกันมาตั้งแต่ครั้งไทยเราตั้งถิ่นฐานอยู่
ในอาณาจักรน่านเจ้าหรือตอนใต้ของประเทศจีนซึ่งเรีกว่าอาณาจักรอ้ายลาว นิยมสักหมึกเป็นรูปช้างบ้าง มังกรบ้าง และต่อมานิยมสักเป็นรูป
นาคบ้าง รูปงูบ้าง ต่อมาเมื่อคนไทยเคลื่อนมาอยู่อณาจักรลานนา และลานช้างก็นิยมสักตามตัวด้วยหมึกอยู่ แต่เนื่องจากได้รับอิทธิพลทางศาสนา
จากอินเดียมากขึ้นกว่าเดิมจึงเปลี่ยนลวดลายสักจากรูปนาครูปงูมาเป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์ตามคตินิยมอินเเดีย เช่น รูปมอม(สิงโต) และรูปนก
เป็นต้น และนิยมสักด้วยหมึกกันอย่างแพร่หลาย เมื่อคนไทยอพยพลงมาอยู่ตามภาคต่าง ๆ ในประเทศไทยในปัจจุบัน ความนิยมของคนไทยต่าง
ก็แตกต่างกันไปบ้าง เช่น ภาคกลางนิยมสักตามลำตัวและแขน ภาคเหนือนิยมสักตามขาท่อนบนครึ่งท่อน ลามไปถึงสะโพก บั้นเอวและท้องน้อย
ดำไปหมดมองดูคล้ายนุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ และนิยมสักตามลำตัวลามไปถึงลำคอและแขนด้วย ส่วนภาคอีสานนอกจากสักตามส่วนต่าง ๆ ของ
ร่างกายแล้ว ยังนิยมสักขาท่อนบนตั้งแต่โคนขาลามลงมาถึงใต้เข่า โดยสักเป็นรูปสัตว์คล้ายสิงโต เรียกว่า ตัวมอม ขาลายทางภาคอีสานจึงเรียก
ว่า "ขาลายมอม" คำว่า มอม นอกจากจะหมายถึงรูปสัตว์ที่คล้ายราชสีห์หรือสิงโตแล้ว ยังหมายถึง สีมัวหรือสีดำคล้ำ เช่น สุนัขตัวใดปาก
สีดำคล้ำ ก็เรียกว่า หมามอม เด็ก ๆ ที่เล่นจนตัวเปื้อนเปรอะสกปรกก็เรียกว่า ตัวมอม โดยเหตุที่เข้าใจว่าคนภาคเหนือและคนอีสานเป็นลาว เมื่อ
คนภาคเหนือนิยมสักบั้นเอวและท้องเป็นสีดำ สมัยก่อนจึงเรียกคนภาคเหนือว่า "ลาวพุงดำ" ส่วนภาคอีสานไม่นิยมสักบั้นเอวและท้องสักแต่ต้น
ขาถึงใต้เข่า คือปล่อยให้ท้องขาวตามธรรมชาติ จึงเรียกคนภาคอีสานว่า "ลาวพุงขาว" (สาร สาระทัศนานันท์ 2530 : 11)

ความมุ่งหมายของการสัก
1. การสักตั้งแต่โคนขาถึงบั้นเอวก็ดี และการสักตามขาท่อนบนลามถึงใต้เข่าของคนภาคอีสานก็ดี คงมีความหมายเพื่อแสดง
ความเป็นลูกผู้ชายเต็มตัวมากกว่าอย่างอื่น คนไทยโบราณภาคอีสานหากไม่สักขาลายแล้ว เขาจะเห็นว่าขาขาวเหมือนผู้หญิงเรียกว่าไม่สมชาย
ชาตรีจะถูกดูหมิ่นจากเพื่อนผู้ชายด้วยกันและจากหญิงสาวซึ่งไม่อยากให้เกียรติและแต่งงานด้วย ยิ่งกว่านั้นยังถูกสาว ๆ เยาะเย้ยต่าง ๆ นานา
เช่น "ขาบ่ลายบ่ให้อาบน้ำฮ่วมท่า" หมายความว่า ถ้าขาไม่ลายก็ไม่อยากให้อาบน้ำร่วมกันที่ท่าน้ำ เป็นต้น
2. การสักลายต่าง ๆ ของร่างกาย นอกจากส่วนขาและบั้นเอวแล้ว ส่วนมากสักเป็นตัวอักษรและลงเลขยันต์ต่าง ๆ การสักเลข
ยันต์นี้นอกจากจะสักตามลำตัวและแขนแล้วบางคนอาจสักที่กระหม่อม โคนลิ้น หรือโคนขาก็มีบ้าง จุดประสงค์ของการสักในส่วนนี้นอกจาก
ความสง่างามน่าเกรงขามแล้วคงมีความมุ่งหมายในด้านการอยู่ยงคงกระพันทำนองเครื่องลางของขลังมากกว่าอย่างอื่น เมื่อสมัยก่อนผู้ชาย
มักถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารเพื่อรบกับข้าศึก นอกจากนี้การสักตามตัวอาจมีความมุ่งหมายพิเศษ เช่น สักยันต์ที่โคนขา เรียกว่า "ยันต์ย่า" เป็น
การสักเพื่อให้ผู้หญิงรัก สักเป็นรูปคีมหรือมีดสะนาก เชื่อว่าป้องกันอสรพิษกัดได้ เป็นต้น

วิธีการสัก
ผู้ที่มีหน้าที่ในการสักทางภาคอีสานเรียกว่า "หมอสัก" อุปการณ์การสักมีเหล็กแหลมหรือเข็มขนาดใหญ่เสียบติดกับด้ามไม้
กลม ๆ ประมาณ 6 เล่ม มีหมึกสีดำหรือสีแดง สำหรับหมึกสีดำใช้ใบมันแกวแล้วเคี่ยวใส่เขม่าควันไฟให้มีสีดำ ผสมกับดีหมูหรือดีสัตว์อื่น ๆ
เช่น ดีควาย ดีวัว ดีหมู ดีงู ดีปลาช่อน เป็นต้น หรืออาจใช้ดินหม้อ หรือเขม่าควันไฟสีดำที่ติดก้นหม้อผสมน้ำแทนก็ได้ นอกจากนี้หากสักเพื่อให้
อยู่ยงคงกระพันก็อาจมีว่านผสมเข้าไปด้วย หมึกที่จะใช้สักบางทีเตรียมเคี่ยวให้ข้นไว้จนแห้งเป็นก้อน เวลาจะใช้ก็ฝนกับน้ำก็ใช้ได้เลย ค่าจ้างสัก
ก็ประมาณ ขาข้างละ 1 บาท
ผู้ที่จะรับการสักจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้เพื่อต่อสู้กับความเจ็บปวดเป็นพิเศษ ยาที่ใช้เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดได้แก่ ฝิ่น
ก่อนการสักก็จะทำการสูบฝิ่นหรือกินฝิ่นเข้าไปประมาณเท่าเมล็ดฝ้ายถึงหนักหนึ่งสลึง จนเมาได้ที่จึงรับการสัก พอสักไปได้สักพักฝิ่นจะหมด
ฤทธิ์ยาความเจ็บปวดก็จะเกิดขึ้นต้องสูบหรือกินเข้าไปอีกบางคนทนความเจ็บปวดไม่ไหวอาจจะสลบหรือตายได้ เมื่อสักเสร็จใหม่แผลจะบวม
พุพองสัก 4-5 วัน รอยสักจะยุบหลังกำพร้าจะหลุดร่วงออกมา ช่วงแผลหายใหม่ ๆ จะคันมากต้องทนรำคาญอยู่หลายวันเนื่องจากถ้าเราเกา
แผลแรง ๆ จะทำให้เกิดแผลเป็นทำให้ลายสักไม่สวย จึงควรทำเพียงแต่ลูบเบา ๆ ให้หนังกำพร้าหลุดออกเท่านั้น หลังจากแผลหายสนิทก็จะได้
ลายสักมีสีดำเข้ม
ปัจจุบันนี้การสักตามวัตถุประสงค์ข้างต้นก็ยังพอมีหลงเหลือให้เห็นอยู่บ้าง แต่ที่เห็นกันมากในสมัยนี้จะเป็นวัยรุ่นที่นิยมสัก
ตามแฟชั่นสมัยนิยมกันซะมากกว่าที่จะเห็นคุณค่าและประโยชน์ของการสักตามความนิยมในสมัยก่อน โดยเฉพาะผู้หญิงสมัยนี้ก็นิยมสักด้วย
เหมือนกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความกล้าของผู้หญิงสมัยนี้ แต่วัตถุประสงค์ก็ยังต่างกันอยู่ดี แต่อย่างไรก็ตามอยากจะให้นึกถึงความเหมาะสม
ในการสักด้วยเนื่องจากประเทศไทยเป็นเมืองพุทธและมีประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามสอนให้ลูกผู้หญิงมีความเรียบร้อยอ่อนน้อม แต่การสักจะ
ทำให้ภาพลักษณ์ในส่วนนี้ถูกลบไปด้วย และการสักสมัยนี้ยังมีราคาค่อนข้างสูงอีกด้วย ก็ฝากให้พิจารณากันก่อนที่จะตัดสินใจสักกันนะครับ